วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประชาคมฯ ร่วมทอดกฐิน ณ วัดพรุเตาะ ปี 2554













7 ความคิดเห็น:

  1. ...เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
    จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
    เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
    เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย
    ...เจ้าดอกเอ๋ยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
    นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
    เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
    ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร
    ...(บางส่วนจากบทกวี "นกขมิ้น" ของเนาวรัตน์ พงไพบูลย์)...

    ตอบลบ
  2. "คืนนี้...มีจันทร์เพียงเสี้ยวที่เกาะเกี่ยวบนฟากฟ้า แต่ก็...ยังงามจับใจ"
    ...ในความงามที่มากมายมักจะมีอันตรายที่ยิ่งใหญ่อยู่ด้วยเสมอ...

    ตอบลบ
  3. วันก่อนไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด และได้เจอรวมเรื่องสั้น วันแรกของวันที่เหลือ ของวินทร์ เลียววาริน เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ เลยเอามาฝากท่านเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง คนหาย
    ...ชายคนที่นั่งเบื้องหน้าข้าพเจ้าอยู่ในวัยสี่สิบเศษ แต่งตัวภูมิฐาน ท่าทางเป็นผู้ที่สำเร็จในหน้าที่การงาน ท่าทางเขาเหมือนกำลังอุ้มเตาร้อนทั้งใบ "ผมมาแจ้งความคนหายครับ"
    ...อืม! คนหาย...คนหายอีกแล้ว! ทุกวันมีแต่คดีน่าปวดหัว คนหาย กระเป๋าหาย โทรศัพย์หาย หายกันได้หายกันดี ข้าพเจ้าประจำที่ส.น.นี้มานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ทำงานล่วงเวลาทุกวัน จนลูกน้องของผมถามว่า "ทำไมพี่ถึงชอบทำงานดึกๆทุกวัน?" ข้าพเจ้าไม่เคยตอบเขา
    ตะโกนเรียกลูกน้องมาช่วยบันทึกคำแจ้งความ ก่อนยิงคำถามแรก "ใครหาย?"
    "ภรรยาของผมเองครับ"
    "ไหนเล่ารายละเลียดให้ผมฟังซิว่า้เรื่องเป็นมายังไง..."
    "ภรรยาผมชื่อน้อย ชื่อจริงว่าศรีปทุม เป็นคนน่ารักมาก ยิ้มสวย เอาใจเก่ง..."
    "เอาล่ะคุณ เราไม่มีเวลามาก ผมว่าบอกรายละเอียดที่จำเป็นต่อการสืบสวนดีกว่านะครับ"
    "ผมแต่งงานกับเธอมายี่สิบห้าปีแล้วครับ น้อยอายุอ่อนกว่าผมสามปี เธอเป็นคนน่ารัก..."
    ข้าพเจ้าถอนหายใจยาว "โอเค. เยส เยส ผมรู้แล้วว่าภรรยาคุณน่ารักมาก บอกสั้นๆก็พอว่าเธอหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?"
    "ผมก็จำไม่ได้แล้วล่ะครับ..."
    "คุณจะให้ตำรวจช่วยหาเมียหรือเปล่า ขอข้อมูลที่ทำให้เราทำงานได้..." เขากุมศีรษะ ท่าทางปวดหัวจัด "ผมก็ไม่แน่ใจนัก น่าจะหายไปราวแปดเก้าปี หรืออาจจะสิบปีประมาณนั้น..."
    ...ข้าพเจ้าถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่สอง ยิ้มอย่างอดทน "ภรรยาของคุณหายไปนานเป็นสิบปี ทำไมเพิ่งจะมาแจ้งความ?"
    "แรกๆผมก็พยายามทน แต่ยิ่งมายิ่งทนไม่ได้ คุณตำรวจช่วยตามหาเธอคืนมาให้ผมหน่อยเถอะครับ ได้โปรด..."
    "ผมฟังคุณไม่รู้เรื่องเลย ท่าทางคุณจะสับสนมาก คุณมีญาติพี่น้องไหม?บางทีผมคุยกับพวกเขาจะดีกว่า"
    "มีครับ เป็นลูกสาว ตอนนี้เรียนอยู่เมืองนอก"
    "แล้วมีใครในบ้านอีกไหม?"
    "ก็มีคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าใคร ถือวิสาสะมาอยู่ที่บ้านผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รุ็..."
    ...เสียเวลาเปล่า วันนี้เจอคนบ้าตั้งแต่หัววัน จ้องหน้าเขา ท่าทางเขาไม่หน้าจะเป็นคนวิกลจริต แต่คนบ้าในโลกเราล้วนแต่ดูเป็นคนปกติทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?
    ...ข้าาพเจ้าหันไปบอกลูกน้อง "ช่วยจัดการขอหมายเลขติดต่อจากผู้ชายคนนี้ด้วย ผมจะไปบวชเปลี่ยนใจไม่บวชแล้ว จะไปกระโดดน้ำตาย..."
    "เชื่อซี ผมเชื่อว่าคุณมันบ้า..."
    "ผมมีรูปถ่ายภรรยาผมมาด้วย"
    ...เขาวางรูปถ่ายใบหนึ่งบนโต๊ะ ข้าพเจ้าชะโงกหน้าไปดู เป็นภาพถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสวยงามอย่างที่เขาว่าจริงๆ
    "นี่รูปถ่ายใคร?"
    "ภรรยาของผมนะซี"
    ไม่มีรูปปัจจุบันหรือ?"
    "นี่แหละรูปปัจจุบัน"
    "คุณอายุเท่าไหร่"
    "51 ครับ"
    "คุณบอกว่าภรรยาอายุอ่อนกว่าคุณสามปี เพราะฉะนั้นตอนนี้ภรรยาคุณคงจะมีอายุ 48 แต่..."
    ...ข้าพเจ้าชี้ไปที่รูปถ่าย "...คนในรูปนี้อายุอย่างมากก็ยี่สิบเศษ"
    "คุณตำรวจจะช่วยผมตามหาเมียที่หายหรือเปล่า ถ้าไม่ผมจะได้ไปหานักสืบ..."
    เขาสบตาผม"คุณตำรวจแต่งงานแล้วใช่ไหม?"
    "ใช่แล้วทำไม?"
    "รุ้มั๊ย ผมกับเธอชอบไปเที่ยวด้วยกันไม่มีเงินแต่ก็ไม่เคยทุกข์ บางเดือนเราไม่มีเงินก็ต้มถั่วเขียวกิน มีความสุขมาก เรานอนดูดาวด้วยกัน บ่อยครั้งผมอ่านบทกวีให้เธอฟัง เธอมักบอกว่ารักผมมาก เสียงเธออ่อนหวาน..."
    ...ข้าพเจ้ายอมรับว่าเริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้ม แต่อารมณ์ของข้าพเจ้าแตกกระเจิงเมื่อประตูห้องเปิดผางออก หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา หน้าตาบึ้งตึง
    ข้าพเจ้าร้อง"คุณเป็นใคร?"
    "ไม่สำคัญว่าฉันเป็นใคร..."
    ...ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงแข็งก่อนหันไปตวาดชายที่มาแจ้งความ "ไอ้แก่ มาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่กลับบ้าน..."
    ข้าพเจ้าว่า"ขอโทษ คุณเป็นใคร ทำไม..."
    ...หล่อนทำตาขวางจ้องหน้าข้าพเจ้า "ฉันเป็นเมียของเขา มีอะไรรึเปล่า?"
    ...หันหน้าไปตะคอกใส่สามีผู้แจ้งความ"...ไอ้แก่มาทำอะไรที่นี่ หา!..."
    "ผม..."
    "กลับบ้านเดี๋ยวนี้...ชะ!เดี๋ยวนี้ว่างนักเรอะมาโรงพักทำไม..."
    ...ชายผู้แจ้งความชี้ไปที่รูปถ่ายบนโต๊ะ "ช่วยตามหาผู้หญิงคนนี้คืนมาให้ผมเถอะครับ..."
    แต่ข้าพเจ้าเงียบ
    ...ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากเงียบ ข้าพเจ้ามองเขาเดินต้อยๆ ตามภรรยากลับบ้าน
    ข้าพเจ้ามองรูปถ่ายใบนั้นของเขาเนิ่นนาน หนีบมันเข้ากับใบบับทึกแจ้งความคนหาย

    ตอบลบ
  4. ต่ออีกนิด
    ...เปิดลิ้นชักหยิบกรอบรูปขึ้นมา เป็นรูปถ่ายหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าอ่อนหวาน ยิ้มสวยงามเห็นรอยลักยิ้ม
    ...ถอนใจยาว บอกลูกน้อง"ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมพี่ถึงทำงานดึกๆทุกวัน"
    ลูกน้องหัวเราะร่วน"น่าสงสารจังพี่"
    ข้าพเจ้าอยากถีบเขา
    "แล้วจะทำยังไงกับใบแจ้งความนี้ครับพี่?"
    "เอ็งเก็บไว้เถอะ เวลาเอ็งแต่งงานแล้วอาจต้องใช้ ไม่ต้องเสียเวลาเขียนใหม่..."

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณเรื่องราวเเละสาระดีๆที่นำมาเเบ่งบัน...เวลายังไม่สามารถบิดเบือนอุดมการณ์ของข้าพเจ้าได้ เเต่วันหน้าข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอมรสุมอีกสักเท่าไหร เเล้วจะต้องเตรียมการรับมืออย่างไร ก็แล้วเเต่สายลมจะพัดพา...

    ตอบลบ
  6. .. ยอดเขาเเห่งนั้น..

    ฉันกำลังตัดสินใจเดินขึ้นภูเขาสักลูก
    จุดหมายปลายทางของฉันอยู่ที่ยอดเขา
    ถ้าเป็นยอดเขาที่วิวข้างบนเป็นเเบบที่ฉันหลงใหล
    ฉันจะปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเขาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร

    ฉันไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก
    โดยดูจากลักษณะตีนเขา แล้วจินตนาการถึงยอดเขา
    ว่ามันเป็นยอดเขาเเบบที่ฉันหลงใหลหรือเปล่า
    ฉันไม่อยากเสียเวลา ถ้าไม่ใช่ ฉันจะได้รีบเดินไปขึ้นเขาลูกอื่น
    ฉันเริ่มไม่สบายใจ ฉันถามหาคำตอบ
    "จะเเน่ใจได้อย่างไร ว่ายอดเขานี้ เป็นยอดเขาที่ฉันตามหาอยู่"

    กระรอกน้อยเผอิญผ่านมาได้ยินคำถามของฉัน มันยิ้มบางๆแล้วบอกกับฉันว่า
    "เธอไม่มีทางรู้หรอก ว่าข้างบนยอดเขานั้นจะใช่สิ่งที่เธอตามหาหรือเปล่า
    ไม่ว่ายอดเขาลูกนี้ หรือลูกไหนๆ ในเมื่อเธอยังอยู่ ณ ตีนเขา"

    "ถ้าทำสิ่งที่เรารัก ถึงล้มเหลว เราก็ล้มอยู่บนสิ่งที่เรารัก
    จงอย่ากลัวที่จะเดินขึ้นเขาสักลูก"

    ๖ ธันวา ๕๔ ..ฤาษี ณ ภูผาหญ้าปล้อง...(copy a day)

    ตอบลบ