วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

10 มี.ค.2553 ร่วมสำรวจป่าต้นน้ำผาดำ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา

น้ำตกผาดำ
ผาดำ(ก่อนเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย)
กิจกรรมยามค่ำคืน(แนะนำตัว, หนังตะลุงเหล็ก,ร้องรำทำเพลง,อื่นๆ)
ทะเลหมอกบนยอดผาดำ
ประชาคมรักษ์ป่าผาดำ+ประชาคมรักษ์ป่าเขาคอหงส์+นักศึกษา ม.อ.
ป่าไม้ให้ร่มเย็น อีกทั้งเป็นแหล่งทรัพย์ป่า ต้นไม้เป็นสินค้า น้ำ-ดิน-ฟ้า เป็นผลพลอยได้ รักเถิดช่วยรักษา ปกป้องป่าให้พ้นภัย ถ้าขาดซึ่งป่าไว้ ประชาไทยคงล่มจม บุกรุกแผ้วถางป่า ผลได้มาคงไม่สม น้ำท่วมดินทับถม ต้องซานซมเมื่อภัยมา ทรัพยากรป่าไม้ หากรู้จักใช้มีคุณค่า ต้นทุนเก็บรักษา แม้ชาติหน้ายังเหลือเฟือ......... (สืบ นาคะเสถียร)....
(จากใจประชาคมฯ )

น้ำตกผาดำยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดสงขลาที่กำลังพัฒนา น้ำตกแห่งนี้อยู่ในบริเวณผืนป่าเขาแก้วซึ่งเป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด อดีตเคยเป็นพื้นที่สีแดง เป็นที่ยึดครองของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกอบกับสภาพความเป็นป่าใหญ่ดิบชื้น ไม่สะดวกในการเดินทาง ทำให้น้ำตกผาดำยังไม่เป็นที่รู้จักการเดินทางสามารถใช้ถนนสายกาญจนวนิชมุ่งหน้าไปยังอำเภอสะเดา เลี้ยวขวาไปยังบ้านบาโรย ท่านจะพบกับสำนักงานอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำคลองอู่ตะเภา ที่พร้อมต้อนรับนำท่านไปสัมผัสบรรยากาศป่าด้วยการเดินเท้าไปยังบริเวณป่าผาดำ ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หากต้องการรถช่วยอำนวยความสะดวกย่นระยะทางหน่วยอนุรักษ์จะมีรถบริการให้ด้วย หลังจากท่านชื่นชมพันธุ์ไม้แปลกตาของป่าต้นน้ำทั้งสองข้างทางไม่นาน ท่านจะมาถึงจุดรวมมีศาลาอยู่ 1 หลังเพื่อให้ท่านนั่งพักหายเหนื่อย ก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปยังที่พักแรมบนผืนป่าผาดำ ระยะทางจากศาลาที่จุดรวมก่อนเดินทางไปน้ำตกผาดำ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ชันไม่มากนักประมาณ 2 กิโลเมตร และพื้นที่ชันมากอีกประมาณ 1 กิโลเมตรในระหว่างการเดินทางท่านจะผ่านน้ำตกใน 5 ช่วง ช่วงที่ 1 เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร ทางลงไปเล่นน้ำตกช่วงนี้ค่อนข้างลำบากจึงไม่ค่อยมีใครลงไปเล่น ช่วงที่ 2 เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 15 เมตร เป็นช่วงที่มีน้ำตกสวยงาม ลงไปเล่นน้ำได้ สายของน้ำตกจะลงตรงมาด้านล่างก็จะเป็นแอ่งน้ำและมีพื้นด้านล่างเป็นพื้นทรายช่วงที่ 3 เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 12 เมตร บริเวณน้ำตกช่วงนี้เป็นโขดหินและเป็นพื้นที่ชันจึงไม่สะดวกที่จะไปเล่นน้ำตกในช่วงนี้เพราะว่าค่อนข้างจะอันตรายช่วงที่ 4 เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 50 เมตร และเป็นช่วงที่มีน้ำตกสวยที่สุด มีบริเวณกว้างเหมาะแก่การชมและการเล่นน้ำ ในช่วงฤดูฝนสายน้ำที่ไหลลงมาจะมี 3 สาย ซึ่งเป็นสายหลัก 1 สาย และสายย่อยแตกออกอีก 2 สาย ไหลลงมาแลเห็นเป็นสายน้ำสีขาวสดสะพรั่งตัดกับผาโขดหินสีดำซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้จนได้ชื่อว่าน้ำตกผาดำ ส่วนฤดูแล้งจะมีน้ำไหลลงมาเพียงสายเดียวเท่านั้นและจำนวนน้ำก็จะน้อยมาก ถ้าหากท่านมาตอนฤดูฝนท่านจะสัมผัสความสวยงามของน้ำตกได้มากกว่าในช่วงฤดูแล้ง การเดินทางจากบริเวณน้ำตกชั้นสูงสุดขึ้นไปยังบริเวณเหนือน้ำตกซึ่งเป็นที่พักแรม จะเป็นพื้นที่ชันระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณสถานที่พักแรมเป็นลานดินอยู่ใกล้กับสายน้ำ รายล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ขนาดหลายคนโอบ พื้นที่กว้างจุคนได้ประมาณ 100 คน มีก้อนหินวางไว้เป็นวงกลมเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การสันทนาการ กิจกรรมรอบกองไฟ เป็นต้นลักษณะของการพักผ่อน ก็จะแล้วแต่ความสะดวก เช่น การนอนเปล นอนเต็นท์ หรือนำผ้ายางมามุงหลังคาและปูพื้นก็จะสามารถนอนได้หลายคน แต่บอกไว้ก่อนว่าอากาศค่อนข้างหนาว ความน่าสนใจของป่าผืนนี้นอกจากน้ำตกผาดำแล้ว ท่านสามารถใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ พันธุ์พืชแปลกตา สำรวจร่องรอยของสัตว์ป่า ไปดูอุโมงค์หลบภัยของพรรคคอมมิวนิสต์ และเดินทางไปยังสันปันน้ำ และหากท่านเดินทางขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเทือกเขาท่านจะมองเห็นไปยังฝั่งของจังหวัดสตูล การเดินทางไปสันปันน้ำทั้งไปและกลับใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
(ที่มาwww.khlong-u-taphao.com)

ด่วนที่สุด 1 มี.ค. 2553 (โรคระบาดสายพันธุ์เดิม ) ณ เขาคอหงส์

โค่นป่า...เผา...ทำลาย...
ไม้ที่รอการลักลอบแปรรูป
ตัดไม้...เผาป่า
ไม้รอการแปรรูป
การบุกรุกทำลายป่าเขาคอหงส์เพื่อแปรสภาพเป็นสวนยางพารา

"...เพราะว่าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง เขาบอกว่าเพราะว่ามีสารคาร์บอน (คาร์บอนไดออกไซด์) ขึ้นไปในอากาศมาก จะทำให้เหมือนเป็นตู้กระจกครอบ แล้วโลกนี้ก็จะร้อนขึ้น เมื่อโลกนี้ร้อนขึ้น มีหวังว่าน้ำแข็งจะละลายลงทะเล และรวมทั้งน้ำในทะเลนั้นจะพองขึ้น...สิ่งที่ทำให้คาร์บอนในอากาศเพิ่มมากขึ้นนั้น มาจากการเผาเชื้อเพลิง ซึ่งอยู่ในดินและจากการเผาไหม้..." "...ที่ทำให้เกิดมาพูดเรื่องคาร์บอน เรื่องจะร้อน จะเย็น น้ำจะท่วมไม่ท่วม เพราะว่าถ้าเรามาศึกษาอย่างใจเย็น อย่างมีเหตุผลแล้ว ก็จะหาทางแก้ไขได้ หรืออย่างน้อยก็ให้พยายามแก้ไข มันจะดีกว่าที่จะมาขัดแย้งกัน แล้วเมื่อขัดแย้งกัน ก็มักก่อเกิดปัญหาใหม่ คือปัญหาการเดินขบวนที การประท้วงที การจราจรวุ่นวายเป็นต้น แล้วก็ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบปวดหัว เลยไม่ต้องคิดแก้อะไร ต้องมาคิดแก้แต่สิ่งวุ่นวาย..
." พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่4 ธันวาคม2532

"...ทำไมคนไทยถึงชอบตัดต้นไม้นักซึ่งข้าพเจ้าสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ จนแก่จนบัดนี้ก็ยังไม่สำเร็จเลยก็พยายามพูดกับรัฐบาลทุกรัฐบาลเลยว่า ถ้านี่ต่อไปนี่ อันนี้เพิ่งอ่านพบว่าถ้าป่าเสื่อมสูญไปน้ำจืดที่เราจะมีกิน มีใช้ก็จะน้อยมาก ทางองค์การโลกเขาได้พยากรณ์ไว้ว่าอีกประมาณสัก20 ปีน้ำจืดนี่จะขาดแคลนอย่างมาก จะเป็นของที่หายากมากคือหนังสือที่ลงนี่ เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงของโลก ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่าเป็นความจริง...
" พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆพระราชทามพระวโรกาสให้คณะบุคคล เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันที่ 11 สิงหาคม2550

27 ก.พ. 2553 งานตลาดนัดสร้างสุข ณ สนามกีฬาพรุค้างคาว

(ผู้สนับสนุน)
แสดงภาพถ่ายเรื่องราวการอนุรักษ์และจำหน่ายเสื้อ
ดนตรีแนวโฟค์ฟังเรียบง่าย
เล่าเรื่องราวโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ

...27 ก.พ. 2553 ตลาดนัดสร้างสุข ณ สนามกีฬาพรุค้างคาว ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ประชาคมรักษ์ป่าเขาคอหงส์ร่วมกับ สวรส. ได้ร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องราวของการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้...



มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการจัดหางานตลาดนัดสร้างสุขคนสงขลา และสานรักครอบครัวครั้งที่ 3 ภายใต้วัตถุประสงค์ร่วมมือกันสร้างเครือข่ายร่วมกันแก้ไขปัญหา “เด็ก เยาวชน ครอบครัว”

ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ เด็ก เยาวชน และครอบครัว ได้เรียนรู้การดำเนินงานสร้างสุขภาพของภาคีเครือข่ายแผนสุขภาพจังหวัด 3 ปี (14 เครือข่ายเชิงประเด็น 20 เครือข่ายพื้นที่) ขยายผลเชิงการเรียนรู้ให้ท้องถิ่นและภาคีสุขภาพในจังหวัดรับไปดำเนินการในพื้นที่ ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมมมากมาย อาทิ กิจกรรมโซนครอบครัว ทำขนมไทย สานใบเตย, เล่นหมากขุม, ฉับโผง, ดินน้ำมัน, ทำว่าว, สร้างลานศิลปะ, เดินกะลา ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมี บอร์ดแสดงความคิดเห็น เพื่อป้องกันและเป็นการรับทราบปัญหาเกี่ยวกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการร่วมมือกันสร้างเครือข่ายและร่วมแก้ไขปัญหา โดยความร่วมมือจากทางภาครัฐ ภาคท้องถิ่น ภาควิชาการ ภาคประชาชนประกาศเริ่มต้นวาระสงขลาพอเพียง 2554 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ประกาศความร่วมมือในการขับเคลื่อนจังหวัดสงขลาสู่ความเป็นจังหวัดที่พอเพียง ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

กุมภาพันธ์ 2553 (กิจกรรมปลูกจิตสำนึกและระดมทุนอนุรักษ์ธรรมชาติ)

the end
สหายหมูเถื่อนปรายหน้าบท เรื่องน้ำตากฤษณา
กิจกรรมหน้างานมหกรรมหนังสือระดับภาค สหายสายลม ระทมเพียงลำพัง ยังฝากความหวัง ไปยังผองชน
สหายบินหลา ... รักษาการณ์ครับ
น้ำตาใหลรินหมดสิ้นแล้วเหอ.....พี่น้อง ภูผาหญ้าปล้องน้ำเคยไหลนองเหือดหาย.......
ณ โรงช้าง มอ.หาดใหญญญญญญญญญญญญญญญญญญญ่
มาเเว้ว.......สามัญชนคนรักษป่าต้นน้ำเขาคอหงส์ ... เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้ร่มปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนรักษ์ธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม (เอ้า มอ.นี่แหละตัวดีนัก) อยู่ก็ใกล้แต่มองไม่ค่อยจะเห็น ต้องมาแงะดวงเนตรให้กว้างๆ เผื่อจะเห็นเลือนลางก็ยังดีรึว่ามีขี้ดวงเนตรเกาะเกอะกรังจะได้งัดลงไปดิ่งลงยังชักโครกเก่าๆ ซะ
ฝายเก็บน้ำ มอ.นั่นช่างใหญ่โต๊โต โอ้โหเอาน้ำจากไหนไปใช้ล้าง...(ขี้)พระคุณท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ดอกทั้งหลาย
คุณหญิงคุณชายยันสถุนที่หมกมุ่นวิชาการ ปวดกะบาลเจ็บเบ็ดหัว (อ้อลืมไป...ท่านคงใช้ทิชชู่เช็ดรูก้น...ท่านไม่ง้อน้ำหรอก)
สื่อบอกโลกร้อน...ไม่เป็นไร...ท่านใช้แอร์ emenant ก็ไม่เห็นร้อน (ถาม:ไฟดับท่านทำยังไง ) (ตอบ:ก็เอาน้ำจากฝายมาปั่นไฟไง) (ถาม:ถ้าน้ำหมดละ)(ตอบ: ?)
.....โง่จริงดอกเตอร์ ก็ กางร่มให้โลกไง 555+++

กิจกรรมปลูกจิตสำนึกและระดมทุนอนุรักษ์ธรรมชาติ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ( 3 วัน ที่ โรงช้างและหอสมุด มอ.)