วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

29 พ.ค 53 ครบรอบปีที่ 3 สามัญชนคนรักษ์ป่า

เสร็จงานแล้ว....สามัญชนล้างจานด้วย...จ้า
วงสามัญชนคนรักษ์ป่า
ขาว-แดง วงภูเล
บังหมัดและวงทรายเล
ร่วมกันปลูกต้นไม้
ร่วมกันปลูกต้นไม้
ตัวแทนจากองค์กรต่างๆร่วมเสวนา เช่น อบจ.สงขลา,เทศบาลนครหาดใหญ่,มอ.,สวจส,กศน,อบต.,รร.หาดใหญ่พิทยาคม
เวทีสานเสวนา "รักษ์ป่าเขาคอหงส์" และภาพวาดของ ดอกเข็มป่า
สามัญชนคนรักษ์ป่าและนายอำเภอหาดใหญ่
ทำบุญตักบาตรพระจาก วัดพรุเตาะ,สำนักสงฆ์บ้านในไร่,สำนักสงฆ์เลียบนิกาย
นายอำเภอหาดใหญ่มาเป็นประธานเปิดงาน สานเสวนา "รักษ์ป่าเขาคอหงส์"

29 พฤษภาคม 2553 กิจกรรมสานเสวนา "รักษ์ป่าเขาคอหงส์"
...กลางสายฝนที่ทวดปู้เจ้าขุนพลายดำแห่งเขาคอหงส์พร่างพรมลงสู่ลูกหลานให้ชุ่มเย็นในตอนเย็นๆ ของวันเสาร์ที่ 29 พ.ค. 53... สามัญชนคนรักษ์ป่า หรืออีกชื่อหนึ่งในนาม ประชาคมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเขาคอหงส์ ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นในโอกาสที่ครบรอบการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ป่าเขาคอหงส์ย่างเข้าปีที่ 4 โดยประสานงานไปยังองค์กรต่างๆเพิ่มมากขึ้น ...ทีมงานสามัญชนคนรักษ์ป่าต้องทำงานกันอย่างหนัก ทั้งแรงกายเเรงใจแรงสมอง จนเกิดงานนี้มาได้ แม้เป็นงานเล็กๆแต่ถือว่าเป็นงานที่อบอุ่น โดยเฉพาะเครือข่ายอนุรักษ์หลายท่านที่ร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผาดำ ที่นำทีมโดยประธานวิทย์และลุงเหล็กและทีมงานกลุ่มอนุรักษ์อีกหลายท่าน และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือทุกท่านที่มีใจรักษ์ป่า ขอผลบุญกุศลครั้งนี้จงดลบันดาลให้ทุกท่านมีอากศที่บริสุทธ์หายใจ มีน้ำใสๆไว้หล่อเลี้ยงชีวิต
กิจกรรมในงานเริ่มจากทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ในช่วงเช้า และช่วงเย็นเป็นการเสวนาเรื่อง "รักษ์ป่าเขาคอหงส์" ที่บรรดาผู้นำจากองค์กรต่างได้มานั่งซัดคารมกันอร่อย ปาก( แต่แนวทางการและมาตรการป้องกันยังหาจุดยืนไม่ค่อยจะได้)ตามด้วยการเเสดงนาฏศิลป์ของนักเรียนจากโรงเรียนหาดใหญ่พิทยาคม ที่รอกันนานจนต้องทาลิปสติกเป็นครั้งที่ 2 (จนผู้ประสานงานกล้มใจเป็นยิ่งนัก) เพราะฝนตกกำหนดการจึงเปลี่ยน แต่ก็สามารถเรียกเสียงตีมือจากแขกที่มาในงานได้พอสมควร...จากนั้นที่ปรึกษาประชาคมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเขาคอหงส์ (สหายหมูเถื่อน)กล่าวที่มาที่ไปของงานพร้อมด้วยบทกวีแห่งผืนป่าและสายน้ำเขาคอหงส์เป็นลำนำเล่าเรื่อง...
...ตะวันเริ่มลาลับสดับตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันตก กลิ่นน้ำจันทร์และเนื้อย่างแตะรูจมูกส่งผลให้ต่อมรับรสหลังน้ำบ่อน้อยไหลหยดย้อยลงคอเสื้อ กระดูกโกลนและกระดูกทั่งในในหูได้รับเสียงสายกีตาร์กระทบปลายเล็บ จะเป็นใครอื่นใดไปไม่ได้ อาหมัด หวังเหมรา หรือบังหมัด วงทรายเล ศิลปินท้องถิ่นพื้นบ้านผู้ซึ่งขับขานขับเคลื่อนบทเพลงด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ขาว - แดงและลูกๆ วงภูเล สองพี่น้องที่ยึดมั่นอุดมการณ์แห่งงานเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ และบทเพลงจากภูผาหญ้าปล้อง ร่วมขับงานเสียงเพลงแนวโฟล์คให้มิตรสหายที่มาในงานได้รับฟังกัน
...บรรยากาศยามค่ำคืนช่างดูสดชื่น มิตรสหายที่มามีความสุข ผู้จัดงานรู้สึกหายเหนื่อยทันทีทันใดหรืออาจเป็นเพราะได้รับดอกไม้สวรรคที่สหายเลียงผาเก็บเกี่ยวมาฝากจากภูผาหญ้าปล้อง ช่างสดชื่นยิ่งนัก
...งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่อุดมการณ์มิเคยเปลี่ยน
...ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกัน (เจ้าของสถานที่ , หน่วยงานที่สนับสนุน ,เพื่อนพ้องมิตรสหาย ,และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก...สาธุ)













3 ความคิดเห็น:

  1. hello... hapi blogging... have a nice day! just visiting here....

    ตอบลบ
  2. จงสำเนียกให้ได้ว่า "อาวุธที่ตัวเองมีอยู่คืออะไร"

    ตอบลบ
  3. จงอย่ากลัวการมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราย่อมเลือกทางเดินให้ตัวเองได้เสมอ แม้เส้นทางโดดเดี่ยว แต่เราเลือกที่จะโดดเดี่ยวบนเส้นทาง ชนะหรือแพ้ย่อมไม่ใช่จุดหมายของการต่อสู้ บางครั้งต่อสู้ทั้งที่พ่ายแพ้ บางครั้งรู้ว่าพ่ายก็ยังสู้ ต่อสู้เมื่อเห็นทาง เส้นทางการต่อสู้ แพ้ ชนะ เป็นผล ไม่ใช่จุดหมายของการต่อสู้

    ตอบลบ